MG ผู้นำด้านนวัตกรรมรถ EV
ด้วยยอดขายอันดับ 1 ในไทย
MG ตอกย้ำความเป็นผู้นำนวัตกรรมรถยนต์ไฟฟ้า
การันตียอดขายรถ EV อันดับ 1 ในไทย
ด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีการขับขี่ที่ครอบคลุม
ทุกไลฟสไตล์ใน MG รถไฟฟ้า 3 โมเดล ได้แก่ MG4,
MG ZS EV และ MG EP เป็นอีกขั้นของทางเลือก
ที่ตอบทุกโจทย์คนยุคใหม่ในทุกมิติ
MG ตอกย้ำความเป็นผู้นำนวัตกรรมรถยนต์ไฟฟ้า การันตียอดขายรถ EV อันดับ 1 ในไทย ด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีการขับขี่ที่ครอบคลุมทุกไลฟสไตล์
ใน MG รถไฟฟ้า 3 โมเดล ได้แก่ MG4, MG ZS EV และ MG EP เป็นอีกขั้นของทางเลือกที่ตอบทุกโจทย์คนยุคใหม่ในทุกมิติ
ประหยัดคุ้ม
เป็น ICON ที่ไม่ซ้ำใคร
ง่ายในทุกประสบการณ์ขับขี่
EV INNOVATION
MG ผู้นำด้านยนตรกรรมอัจฉริยะ
เพราะความเชื่อที่ว่าเทคโนโลยีและวิศวกรรมที่ดีที่สุดไม่จำเป็นต้องมีแค่ในสนามแข่ง แต่สามารถสัมผัสได้บนท้องถนน MG จึงมุ่งมั่นในการพัฒนารถยนต์เพื่อให้ครอบคลุมไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคยุคใหม่ในทุกมิติ ด้วยแกนหลัก 4 ประการ คือ Electrification, Sharing, Intelligent Connectivity and Globalization.
เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำยานยนต์อัจฉริยะ MG จึงนำเสนอนวัตกรรมใหม่ที่เรียกว่า EV (Electric Vehicle) รถยนต์พลังงานทางเลือก หรือรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% เพื่อยกระดับประสบการณ์การขับขี่ และผลักดันเทคโนโลยีรถยนต์แห่งอนาคตให้ไม่ต้องเป็นเพียงความฝันอีกต่อไป
EV นวัตกรรมแห่งอนาคต
รถยนต์ EV หรือ Electric Vehicle คือ ยานพาหนะที่ขับเคลื่อนโดยพลังงานไฟฟ้า แทนการใช้น้ำมัน โดยรถยนต์ EV จะเก็บพลังงานเอาไว้ในแบตเตอรี่ที่สามารถชาร์จได้ และนำพลังงานไฟฟ้าเหล่านั้นมาใช้ในการขับเคลื่อนผ่านทางมอเตอร์ไฟฟ้า ส่งผลให้รถยนต์ EV มีแรงบิดสูงสุดตั้งแต่ออกตัว เนื่องจากไม่ต้องรอรอบเครื่องยนต์ จึงออกตัวได้อย่างรวดเร็ว ยิ่งไปกว่านั้นตำแหน่งในการวางแบตเตอรี่ ยังมีส่วนสำคัญในการสร้างความสมดุลของตัวรถ แบตเตอรี่ที่ถูกวางไว้ที่ส่วนพื้นของรถ จะทำให้มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ ซึ่งทำให้สมรรถนะในการขับขี่ดียิ่งขึ้น
รถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% นอกจากจะทำให้การขับขี่ดียิ่งขึ้นแล้ว ยังไม่ต้องใช้การเผาไหม้ในการขับเคลื่อน ส่งผลให้ห้องโดยสารเงียบ ไร้เสียงเครื่องยนต์ และไม่มีไอเสียจากการเผาผลาญพลังงาน ขับขี่ง่ายไม่ก่อให้เกิด มลพิษทางอากาศและเสียง เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% หรือ เรียกสั้นๆว่า
EV (Electric Vehicle)
ซึ่งรถยนต์ EV มีส่วนประกอบหลักในการขับเคลื่อน เพียง 3 ส่วนคือ แบตเตอรี่ (E-Battery)
ระบบควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ (E- Control) และระบบส่งกำลังขับเคลื่อนหรือมอเตอร์ไฟฟ้า (E-Drive)
ที่จะทำงานร่วมกันโดยมีจุดเริ่มต้นจากแบตเตอรี่ที่เป็นแหล่งเก็บพลังงานไฟฟ้าส่งพลังงานต่อไปยังตัวมอเตอร์
เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนรถยนต์ ซึ่งระบบการทำงานจะมีการจัดการด้วยระบบควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมด
การทำงานของรถยนต์ EV มีกลไกลที่ไม่ซับซ้อน ไม่มีชิ้นส่วนและระบบต่างๆ ของเครื่องยนต์ มาให้กังวลใจ
จึงง่ายต่อการดูแลรักษา ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากขึ้น ทั้งค่าซ่อมบำรุงรักษา
รวมไปถึงค่าพลังงานไฟฟ้าที่มีราคาถูกกว่าพลังงานเชื้อเพลิง
ยิ่งไปกว่านั้น MG ได้มีการคิดค้น
และพัฒนามอเตอร์ไฟฟ้า (E-Drive)รวมถึงเทคโนโลยี Hair-pin Widing Design
ที่ช่วยให้สามารถระบายความร้อนได้ดี ทำให้มอเตอร์ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
ตอบสนองการขับขี่ของคุณให้มีอัตราเร่งได้ดั่งใจเพราะมอเตอร์ไฟฟ้าสั่งการให้เกิดการขับเคลื่อนได้ทันที
รวมไปถึงระบบควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ (E- Control) ยังได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด
ระดับโลก ASIL-D และ ISO26262 อีกด้วย
ซึ่งรถยนต์ EV มีส่วนประกอบหลักในการขับเคลื่อน เพียง 3 ส่วนคือ แบตเตอรี่ (E-Battery) ระบบควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ (E- Control) และระบบส่งกำลังขับเคลื่อนหรือมอเตอร์ไฟฟ้า (E-Drive) ที่จะทำงานร่วมกันโดยมีจุดเริ่มต้นจากแบตเตอรี่ที่เป็นแหล่งเก็บพลังงานไฟฟ้าส่งพลังงานต่อไปยังตัวมอเตอร์ เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนรถยนต์ ซึ่งระบบการทำงานจะมีการจัดการด้วยระบบควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมด การทำงานของรถยนต์ EV มีกลไกลที่ไม่ซับซ้อน ไม่มีชิ้นส่วนและระบบต่างๆ ของเครื่องยนต์ มาให้กังวลใจ จึงง่ายต่อการดูแลรักษา ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากขึ้น ทั้งค่าซ่อมบำรุงรักษา รวมไปถึงค่าพลังงานไฟฟ้าที่มีราคาถูกกว่าพลังงานเชื้อเพลิง
ยิ่งไปกว่านั้น MG ได้มีการคิดค้น
และพัฒนามอเตอร์ไฟฟ้า (E-Drive)รวมถึงเทคโนโลยี Hair-pin Widing Design
ที่ช่วยให้สามารถระบายความร้อนได้ดี ทำให้มอเตอร์ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
ตอบสนองการขับขี่ของคุณให้มีอัตราเร่งได้ดั่งใจเพราะมอเตอร์ไฟฟ้าสั่งการให้เกิดการขับเคลื่อนได้ทันที
รวมไปถึงระบบควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ (E- Control) ยังได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด
ระดับโลก ASIL-D และ ISO26262 อีกด้วย
วิวัฒนาการของ EV
เพื่ออำนวยความสะดวกสบายให้เราในทุกๆ ด้าน การวิวัฒนาการของรถยนต์จึงมีมาอย่างต่อเนื่อง โดยเริ่มต้นจากรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วย Gasoline (เครื่องยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยน้ำมันเชื้อเพลิง) แต่ในช่วง ปี ค.ศ. 1973 หลังจากทุกประเทศทั่วโลกต้องเผชิญกับวิกฤติน้ำมัน วิศวกรยานยนต์และผู้ผลิตรถยนต์ทั่วโลกจึงหันมาพัฒนารถยนต์ที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีไฮบริด (Hybrid Electric Vehicle) และรถยนต์ไฟฟ้าปลั๊กอินไฮบริด (Plug-in Hybrid Electric Vehicle) ซึ่งเป็นรถยนต์ลูกผสมที่ขับเคลื่อนด้วยน้ำมันเชื้อเพลิงและไฟฟ้า แต่ในยุคของเทคโนโลยียานยนต์ที่ก้าวไปไกล ประกอบกับสภาวะอุณหภูมิของโลกที่ร้อนขึ้น เกิดเป็นกระแสการอนุรักษ์พลังงาน และการรักษาสิ่งแวดล้อม อันเป็นเรื่องที่สังคมในปัจจุบันให้ความสำคัญมาก
ด้วยเหตุนี้ MG จึงพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle หรือ EV) ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100 % ทำให้ไม่มีการเผาไหม้ กลายเป็นยานยนต์พลังงานสะอาด เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และประหยัดค่าเชื้อเพลิงได้มากกว่าเมื่อเทียบกับรถยนต์ระบบอื่นๆ มาพร้อมกับแบตเตอรี่ประสิทธิภาพสูง สามารถขับเคลื่อนในระยะทางไกลได้ถึง 337 กิโลเมตร* และใช้เวลาชาร์จพลังงานน้อยลง**
* ทดสอบตามมาตรฐานความประหยัดพลังงาน และมลพิษ NEW EUROPEAN DRIVING CYCLE (NEDC)
**Fast charge ใช้เวลาเพียง 30 นาที แบตเตอรี่เต็ม 80%
ลิเธียม แหล่งพลังงานของโลกอนาคต...
อีกหนึ่งหัวใจสำคัญของการขับเคลื่อนรถยนต์ MG ZS EV คือ แบตเตอรี่ลิเธียม ซึ่งแบตเตอรี่ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มีขนาดที่เล็กลง และสามารถให้พลังงานได้มากขึ้น ทำให้รถวิ่งได้นานขึ้น แบตเตอรี่มีความหนาแน่นสูงพิเศษ ทำให้กำลังไฟและความเสถียรสูงขึ้น เก็บไฟได้ดีขึ้น ระยะทางวิ่งต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ไปได้ไกลสูงสุดถึง 337 กิโลเมตร*** สามารถชาร์จได้ตลอดเวลาแม้ไฟยังไม่หมด น้ำหนักเบา และที่สำคัญ MG มีนวัตกรรม Intelligent Battery Temperature Control Management System หรือระบบการจัดการอุณหภูมิอัจฉริยะ ที่จะช่วยให้ระบบต่างๆทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพภายใต้สภาวะแวดล้อมต่างๆ
*** ทดสอบตามมาตรฐานความประหยัดพลังงาน และมลพิษ NEW EUROPEAN DRIVING CYCLE (NEDC)
เพื่อให้สะดวกสบายในการใช้งานมากขึ้น รถพลังงานไฟฟ้า
สามารถชาร์จไฟ ได้ 3 รูปแบบด้วยกัน คือ
Charging Cable
รถ MG ZS EV ทุกคัน จะมาพร้อมกับสายชาร์จฉุกเฉินหรือ MG Charging Cable ในกรณีที่จำเป็นต้องใช้สายชาร์จฉุกเฉินนั้น ควรทำการเสียบสายชาร์จกับเต้ารับที่มีสายดินโดยตรงเท่านั้น และในวงจรของเต้ารับนั้น ห้ามมีอุปกรณ์ไฟฟ้าใดๆใช้ร่วมด้วย ทั้งนี้ควรได้รับการตรวจสอบจากช่างผู้ชำนาญการ และห้ามต่อพ่วงกับปลั๊กพ่วงโดยเด็ดขาด เพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน
MG Home Charger
การชาร์จผ่านเครื่องชาร์จของ MG ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้สามารถสะดวกสบายในการชาร์จไฟมากยิ่งขึ้น สามารถชาร์จ 0%-100% เต็ม ใช้ระยะเวลาประมาณ 6.30 ชั่วโมง โดยระยะเวลาในการชาร์จขึ้นอยู่กับปริมาณกำลังไฟที่เหลืออยู่ในแบตเตอรี่
สำหรับการติดตั้ง MG Home Charger นั้น สามารถแจ้งข้อมูลให้กับพนักงานขาย โดยกรอกรายละเอียดใน แบบฟอร์มแจ้งงานสำรวจ และติดตั้ง MG HOME CHARGER เพื่อใช้ช่างผู้ชำนาญการติดต่อนัดหมาย เพื่อทำการตรวจสอบความพร้อมของระบบไฟฟ้าของบ้านและจุดที่ติดตั้ง MG Home Charger
Public Charging Station
สำหรับสถานีชาร์จสาธารณะ จะสามารถชาร์จได้ทั้งแบบ Normal Charge ผ่านทางเครื่องชาร์จที่มีหัวชาร์จแบบ Type 2 และการชาร์จแบบ Quick Charge ที่มีหัวชาร์จแบบ CCS ซึ่งระยะเวลาการชาร์จของ Quick Charge จาก 0-80% จะใช้ระยะเวลาประมาณ 30 นาที โดยระยะเวลาในการชาร์จขึ้นอยู่กับปริมาณกำลังไฟที่เหลืออยู่ในแบตเตอรี่
*ในรุ่น MG ZS EV เท่านั้น
ของรถยนต์ไฟฟ้า
การออกแบบโครงสร้างของรถยนต์ไฟฟ้า ที่ MG พัฒนาการทำงานของแบตเตอรี่ลิเธียม และมอเตอร์ไฟฟ้าขนาดเล็ก ติดตั้งเป็นชิ้นเดียวกับโครงสร้างของรถ EV พร้อมระบบช่วงล่างอิสระ 4 ล้อแบบ 5-LINK SUSPENSION ที่ทำให้สมรรถนะในการขับขี่สูง เกาะถนน เข้าโค้งได้แม่นยำ และช่วยคงเสถียรภาพความเร็ว จัดเรียงแบตเตอร์รี่ไฟฟ้าแบบ CELL TO PACK เพื่อลดพื้นที่ และระบายความร้อนได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และระบบ KERS MODE ที่ช่วยประหยัดพลังงานตั้งค่ามาตรฐานได้มากถึง 4 ระดับในการช่วยชาร์จพลังงานกลับเข้าสู่แบตเตอร์รี่ขณะชะลอรถ ในรถไฟฟ้า MG
สถานีชาร์จรถไฟฟ้า
ปัจจุบันมีสถานีชาร์จรถไฟฟ้าสาธารณะกว่า
300
แห่งทั่วประเทศ
รวมถึง MG SHOWROOMS ไว้อำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้รถยนต์ NEW MG ZS EV
ค้นหาสถานีชาร์จใกล้บ้านคุณ