ให้ชีวิตดีได้ทุกวันด้วย
MG HS Plug-in Hybrid
MG HS PHEV ชาร์จทุกวัน ให้ชีวิตดีๆ เพราะนี่คือรถพลังงานไฟฟ้า 100% ที่มีระบบขับเคลื่อน Hybrid รองรับ เทคโนโลยีที่ออกแบบมาให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริหารรุ่นใหม่อย่างแท้จริง แค่ชาร์จทุกวัน ก็ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% ได้ไกลสูงสุดถึง 67 กม. ตอบโจทย์การใช้งานในแต่ละวันได้เป็นอย่างดี หรือสามารถเลือกใช้ระบบ Hybrid สำรองได้ทันทีที่ต้องการ
REFINED INTERIOR
& UTILITY
ความหมายใหม่ของการออกแบบ หรูหรา สะดวกสบายตลอดเส้นทาง
ให้ทุกเส้นทางของคุณเต็มไปด้วยความรื่นรมย์ ด้วยห้องโดยสารงามสง่า ให้ประสบการณ์ขับขี่ที่เหนือใคร ตั้งแต่การตกแต่งภายในด้วยสี 2-TONE MONACO BLUE ใส่ใจในทุกรายละเอียดด้วยวัสดุ SOFT TOUCH จากแรงบันดาลใจของความงามในธรรมชาติ เบาะหนังคู่หน้าแบบ SPORT BUCKET SEAT ภายในห้องโดยสารเงียบ เรียบ หรู มีระดับด้วย NVH LUXURY SILENCE SPACE การเพิ่มฟิล์มกันเสียง และแผ่นซับเสียงภายในห้องโดยสาร ที่จะช่วยตัดเสียงรบกวนภายนอก ให้ทุกการเดินทางเป็นส่วนตัว ไปจนถึงหลังคาซันรูฟที่เปิดกว้างแบบพาโนรามา บนพื้นที่เกือบ 90% ของพื้นที่หลังคา และเป็นครั้งแรกของยนตรกรรมระดับพรีเมียม ที่ให้คุณได้สัมผัสประสบการณ์ล้ำเหนือระดับกับจอแสดงผลอัจฉริยะ FULL VIRTUAL DASHBOARD ขนาด 12 นิ้ว
ทุกองค์ประกอบจะเปลี่ยนทุกการเดินทางของคุณให้น่าหลงใหลยิ่งกว่าเดิม
REFINED PERFORMANCE & EFFICIENCY
ความหมายใหม่ของพลังขับเคลื่อน กับเทคโนโลยีที่ล้ำกว่าเดิม
MG HS Plug-in Hybrid เหนือกว่า Hybrid ธรรมดาทั่วไป เพราะเป็นรถพลังงานไฟฟ้า 100% ที่มีระบบ ขับเคลื่อน Hybrid รองรับ ด้วยเทคโนโลยีการขับเคลื่อนที่ผสานมอเตอร์ไฟฟ้า และเครื่องยนต์ เข้าด้วยกัน ให้แรงม้าสูงถึง 284 แรงม้า ที่แรงบิด 480 นิวตัน – เมตร แต่กลับมีค่าไอเสีย หรือคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำเพียง 36 กรัม / กิโลเมตร เท่านั้น ทำให้คุณถึงเป้าหมายได้เร็วขึ้นด้วยอัตราเร่ง 0 – 100 ภายในเวลา 7.5 วินาที
ชาร์จทุกวัน ให้ชีวิตดีๆ กับ MG HS PHEV ที่สุดของเทคโนโลยี Plug-in Hybrid ที่คุ้มค่าถึงขีดสุด เมื่อเลือกขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100%
REFINED PERFORMANCE & EFFICIENCY
ความหมายใหม่ของพลังขับเคลื่อน กับเทคโนโลยีที่ล้ำกว่าเดิม
MG HS Plug-in Hybrid เหนือกว่า Hybrid ธรรมดาทั่วไป เพราะเป็นรถพลังงานไฟฟ้า 100% ที่มีระบบ ขับเคลื่อน Hybrid รองรับ ด้วยเทคโนโลยีการขับเคลื่อนที่ผสานมอเตอร์ไฟฟ้า และเครื่องยนต์ เข้าด้วยกัน ให้แรงม้าสูงถึง 284 แรงม้า ที่แรงบิด 480 นิวตัน – เมตร แต่กลับมีค่าไอเสีย หรือคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำเพียง 36 กรัม / กิโลเมตร เท่านั้น ทำให้คุณถึงเป้าหมายได้เร็วขึ้นด้วยอัตราเร่ง 0 – 100 ภายในเวลา 7.5 วินาที
ชาร์จทุกวัน ให้ชีวิตดีๆ กับ MG HS PHEV ที่สุดของเทคโนโลยี Plug-in Hybrid ที่คุ้มค่าถึงขีดสุด เมื่อเลือกขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100%
REFINED SAFETY
ความหมายใหม่ของความมั่นใจ
ปลอดภัยรอบคัน
ที่สุดของเทคโนโลยีความปลอดภัย จาก NEW MG HS PHEV ที่มอบความมั่นใจให้คุณในทุกเส้นทาง อุ่นใจกว่ากับระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ ADVANCED SYNCHRONIZED PROTECTION SYSTEM ทั้ง 25 ระบบ พร้อมกล้องมองภาพรอบทิศทาง 360 องศา ความปลอดภัยเหนือระดับที่ทำให้คุณทุกคุณค่าของชีวิตมีความหมายมากขึ้น
ความหมายใหม่ รู้ใจกว่าที่คิด
ระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ i-SMART จาก MG ที่จะเชื่อมต่อทุกคุณค่าของชีวิต
ให้สมาร์ทไม่รู้จบ รองรับการสั่งงานด้วยเสียง จอทัชสกรีน
หรือสั่งงานผ่านแอพพลิเคชัน
ฉลาดกว่า ตรวจสอบสถานะ แบตเตอรี่ผ่าน
i-SMART APPLICATION
คำนวณคุณค่าที่มากกว่าด้วยตัวคุณเอง
ข้อแตกต่างระหว่าง
ระบบ Hybrid ทั่วไป กับ Plug-in Hybrid
ระบบHybridทั่วไป
จะมีขนาดมอเตอร์ไฟฟ้า และแบตเตอรี่ขนาดเล็ก จึงยังต้องใช้เครื่องยนต์ขนาดใหญ่เป็นแหล่งพลังงานหลัก โดยระบบจะชาร์จพลังงานเข้าสู่แบตเตอรี่จากการชะลอความเร็วรถ
เสียค่าน้ำมันมากกว่า
เพราะระบบขับเคลื่อนยังต้องพึ่งพาการใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิงหลัก
แบตเตอรี่ได้รับพลังงานสะสมจากการชะลอความเร็วรถ
ไม่สามารถเสียบปลั๊กชาร์จได้
สามารถวิ่งด้วยพลังงานไฟฟ้า 100%
ในระยะทางสั้นๆ เท่านั้น
มอเตอร์ไฟฟ้า และแบตเตอรี่
มีขนาดเล็ก
ระบบPlug-in Hybrid
เทคโนโลยีที่ถูกพัฒนาขึ้นมาอีกขั้นจากระบบ Hybrid ทั่วไป โดยสามารถชาร์จไฟเข้าสู่แบตเตอรี่ได้โดยตรงผ่านการเสียบปลั๊ก เนื่องจากแบตเตอรี่ และมอเตอร์ไฟฟ้ามีขนาดใหญ่กว่า จึงวิ่งด้วยระบบไฟฟ้าแต่เพียงอย่างเดียวได้ไกลกว่า ประหยัดกว่า อีกทั้งยังการปล่อย CO2 เป็นศูนย์ในขณะการใช้งานด้วยโหมดไฟฟ้า ดีต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่า
มีสมรรถนะ และอัตราเร่ง
ที่เหนือกว่า
ด้วยการทำงานร่วมกันของมอเตอร์ไฟฟ้า
ขนาดใหญ่ และเครื่องยนต์ Turbo
มอบความคุ้มค่า
ด้วยการใช้พลังงานไฟฟ้าเป็นตัวขับเคลื่อนได้ไกลกว่าไฮบริดปกติ และใช้เครื่องยนต์เล็ก ลดการใช้พลังงานเชื้อเพลิง
สามารถชาร์จไฟให้กับแบตเตอรี่ได้
และตัวแบตเตอรี่มีขนาดใหญ่กว่าทำให้วิ่งได้ไกลกว่า
การปล่อย CO2 เป็นศูนย์
ขณะขับขี่ด้วยระบบไฟฟ้า 100%
ข้อแตกต่างระหว่าง
ระบบ Hybrid ทั่วไป กับ
Plug-in Hybrid
ระบบ Hybrid ทั่วไป
จะมีขนาดมอเตอร์ไฟฟ้า และแบตเตอรี่ขนาดเล็ก จึงยังต้องใช้เครื่องยนต์ขนาดใหญ่เป็นแหล่งพลังงานหลัก โดยระบบจะชาร์จพลังงานเข้าสู่แบตเตอรี่จากการชะลอความเร็วรถ
เสียค่าน้ำมันมากกว่า
เพราะระบบขับเคลื่อนยังต้องพึ่งพาการใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิงหลัก
แบตเตอรี่ได้รับพลังงานสะสมจากการชะลอความเร็วรถ
ไม่สามารถเสียบปลั๊กชาร์จได้
สามารถวิ่งด้วยพลังงานไฟฟ้า 100%
ในระยะทางสั้นๆ เท่านั้น
มอเตอร์ไฟฟ้า และแบตเตอรี่
มีขนาดเล็ก
ระบบ Plug-in Hybrid
เทคโนโลยีที่ถูกพัฒนาขึ้นมาอีกขั้นจากระบบ Hybrid ทั่วไป โดยสามารถชาร์จไฟเข้าสู่แบตเตอรี่ได้โดยตรงผ่านการเสียบปลั๊ก เนื่องจากแบตเตอรี่ และมอเตอร์ไฟฟ้ามีขนาดใหญ่กว่า จึงวิ่งด้วยระบบไฟฟ้าแต่เพียงอย่างเดียวได้ไกลกว่า ประหยัดกว่า อีกทั้งยังการปล่อย CO2 เป็นศูนย์ในขณะการใช้งานด้วยโหมดไฟฟ้า ดีต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่า
มีสมรรถนะ และอัตราเร่งที่เหนือกว่า
ด้วยการทำงานร่วมกันของมอเตอร์ไฟฟ้าขนาดใหญ่ และเครื่องยนต์ Turbo
มอบความคุ้มค่า
ด้วยการใช้พลังงานไฟฟ้าเป็นตัวขับเคลื่อนได้ไกลกว่าไฮบริดปกติ และใช้เครื่องยนต์เล็ก ลดการใช้พลังงานเชื้อเพลิง
สามารถชาร์จไฟให้กับแบตเตอรี่ได้
และตัวแบตเตอรี่มีขนาดใหญ่กว่าทำให้วิ่งได้ไกลกว่า
การปล่อย CO2 เป็นศูนย์
ขณะขับขี่ด้วยระบบไฟฟ้า 100%